วันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

4 ตำนานรักของไทย


4 ตำนานรักของไทย ...รักกันจนชั่วฟ้าดินสลาย

https://f.ptcdn.info/534/029/000/

โศกนาฏกรรมความรักต้องห้ามของชาวล้านนา
ตำนานความรักของ มะเมียะ หญิงสาวชาวพม่าที่มีความรักมั่นกับ เจ้าน้อยศุขเกษม เจ้าชายล้านนา แต่ความรักต้องจบลงด้วยความโศกสลด เพราะถูกกีดกันด้วยความต่างของเชื้อชาติ ชนชั้น และสถานการณ์บ้านเมือง อันเป็นที่มาของตำนานความรักที่เล่าขานมาจนถึงปัจจุบัน
ช่วงเวลาสร้างตำนาน ปี พ.ศ. 2445-2505
สถานที่ก่อเกิดตำนาน นครเชียงใหม่ แคว้นล้านนา (จ.เชียงใหม่ ในปัจจุบัน)

     ร้อยตรี เจ้าอุตรการโกศล (ศุขเกษม ณ เชียงใหม่) หรือ เจ้าน้อยศุขเกษม (พ.ศ. 2423-พ.ศ. 2453) ราชโอรสองค์โตในเจ้าแก้วนวรัฐ กับแม่เจ้าจามรีมหาเทวี แห่งนครเชียงใหม่ เมื่ออายุได้ 15 ปี ถูกส่งไปศึกษาต่อที่โรงเรียนเซนต์แพทริค (St. Patrick′s School) ในเมืองมะละแหม่ง ประเทศพม่า เมื่อเจ้าน้อยฯ มีอายุ 19 ปี ได้ออกไปเดินเที่ยวในตลาดจึงพบ มะเมียะ (พ.ศ. 2430-พ.ศ. 2505) หญิงสาวชาวพม่า แม่ค้าขายบุหรี่อายุ 15 ปี ทั้งคู่ต่างก็ตกหลุมรักซึ่งกันและกัน จนกระทั่งได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยา โดยทั้งสองได้สาบานต่อกัน ณ ลานหน้าพระธาตุใจ้ตะหลั่นว่า จะรักกันตลอดไปและจะไม่ทอดทิ้งกัน หากผู้ใดทรยศต่อความรักที่มีให้กัน ก็ขอให้ผู้นั้นอายุสั้น

     เมื่อเจ้าน้อยฯ อายุ 20 ปี ต้องกลับนครเชียงใหม่ จึงแอบพามะเมียะกลับมาด้วย เมื่อกลับมาถึงจึงทราบว่าได้ถูกหมั้นหมายผู้หญิงไว้ให้แล้ว เจ้าน้อยฯ จึงตัดสินใจเล่าเรื่อง มะเมียะให้ฟัง แต่ไม่ได้รับการยอมรับ เพราะช่วงนั้นพม่าตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษที่กำลังมีคดีความกับสยามอยู่ (นครเชียงใหม่เป็นประเทศราชของสยามในสมัยนั้น) มะเมียะจึงถูกส่งตัวกลับทันที

     วันเดินทางกลับ อันจะกลายเป็นการจากลาชั่วนิรันดร์ เจ้าน้อยฯ พูดภาษาพม่ากับมะเมียะได้เพียงไม่กี่คำ นางก็ร่ำไห้ด้วยความอัดอั้นตันใจในอ้อมแขนที่ยากจะแยกจากกันได้ เจ้าน้อยฯ ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะกลับไปหามะเมียะให้จงได้ นางจึงคุกเข่าลงกับพื้น ก้มหน้า สยายผมออกเช็ดเท้าเจ้าน้อยฯ ด้วยความอาลัยหา ก่อนที่นางจะจากไป

     นางได้แต่เฝ้ารอคอยเจ้าน้อยฯ แต่กลับไร้วี่แววใดๆ มะเมียะจึงตัดสินใจครองตนเป็นแม่ชีเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ว่านางยังซื่อสัตย์ ต่อความรักที่มีต่อเจ้าน้อยฯ 

     หลังจากที่ทราบข่าวการแต่งงานของ เจ้าน้อยฯ กับเจ้าบัวชุม ณ เชียงใหม่ แม่ชีมะเมียะจึงเดินทางมายังเมืองเชียงใหม่และขอเข้าพบเจ้าน้อยฯ เป็นครั้งสุดท้าย แต่เจ้าน้อยฯ ไม่สามารถหักห้ามความสงสารที่มีต่อมะเมียะได้ จึงไม่ยอมลงไปพบแม่ชีมะเมียะตามคำขอร้อง เพียงแต่มอบหมายให้พี่เลี้ยงคนสนิทนำเงิน 1 กำปั่น( 800 บาท) ไปมอบให้กับแม่ชีมะเมียะเพื่อใช้ในการทำบุญ พร้อมกับมอบแหวนทับทิมประจำกายอีกวงหนึ่งเป็นตัวแทนของเจ้าน้อยฯ ให้กับแม่ชีมะเมียะ

     เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้มะเมียะและเจ้าน้อยฯ ต่างสะเทือนใจเป็นที่สุด หลังจากเหตุการณ์นั้นเจ้าน้อยฯ ก็ตรอมใจเอาแต่กินเหล้าและสิ้นชีพิตักษัยในอีกไม่กี่ปีต่อมา ส่วน มะเมียะ ได้ครองบวชเป็น แม่ชี จนกระทั่งถึงแก่กรรมในปี พ.ศ. 2505 รวมอายุได้ 75 ปี

https://f.ptcdn.info/534/029/000/

โศกนาฏกรรมความรักต่างภพอันลือลั่น

ตำนานความรักของ อำแดงนาก ผีสาวตายทั้งกลมที่มีต่อสามีอันเป็นที่รัก
ช่วงเวลาสร้างตำนาน ปลายรัชกาลที่ 3 ถึงตอนต้นรัชกาลที่ 4
สถานที่ก่อเกิดตำนาน ตำบลพระโขนง จังหวัดพระนคร (ย่านวัดมหาบุศย์ เขตสวนหลวง กทม. ในปัจจุบัน)

     ตามตำนานเล่าต่อกันมาว่า มีสามีภรรยาหนุ่มสาวคู่หนึ่ง อาศัยอยู่ด้วยกันที่ย่านพระโขนง สามีชื่อนายมาก ส่วนภรรยาชื่อนางนาก ทั้งสองใช้ชีวิตคู่ร่วมกันจนนางนากตั้งครรภ์อ่อน ๆ นายมากก็มีหมายเรียกให้ไปเป็นทหารประจำการที่บางกอก นางนากจึงต้องอยู่ตามลำพัง จนครบกำหนดคลอด นางนากสิ้นใจไปขณะทำคลอดบุตร กลายเป็นผีตายทั้งกลม 

     ส่วนนายมากเมื่อปลดประจำการก็กลับจากบางกอกมายังพระโขนงโดยที่ยังไม่ทราบความว่านางนากได้ตายไปแล้ว ไม่ว่าใครที่มาพบเจอนายมากจะบอกนายมากอย่างไร นายมากก็ไม่เชื่อว่าเมียตัวเองตายไปแล้ว จนวันหนึ่งขณะที่นางนากตำน้ำพริกอยู่บนบ้าน นางนากทำมะนาวตกลงไปใต้ถุนบ้าน ด้วยความรีบร้อน นางจึงเอื้อมมือยาวลงมาจากร่องบนพื้นเรือนเพื่อเก็บมะนาวที่อยู่ใต้ถุนบ้าน นายมากขณะนั้น บังเอิญผ่านมาเห็นพอดี จึงปักใจเชื่ออย่างเต็มร้อย ว่าเมียตัวเองเป็นผีตามที่ชาวบ้านว่ากัน

     นายมากหนีไปพึ่งพระที่วัด นางนากไม่ลดละพยายาม ด้วยความที่เจ็บใจชาวบ้านที่คอยยุแยงตะแคงรั่วผัวตัวเองอีกประการหนึ่ง ทำให้นางนากออกอาละวาดหลอกหลอนชาวบ้านจนหวาดกลัวกันไปทั้งบาง สุดท้ายสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ได้มาโปรดนำนางนากสู่สุคติ

     ตำนานรักของนางนาก นับเป็นตำนานรักอีกเรื่องหนึ่งที่ประทับใจผู้ฟังอย่างไม่รู้จบ กับความรักที่มั่นคงของนางนากที่มีต่อสามี ที่แม้แต่ความตายก็มิอาจพรากหัวใจรักของนางไปได้ จนนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ ละครโทรทัศน์ ละครวิทยุ และละครเวที มากมายหลายเวอร์ชั่น ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
https://f.ptcdn.info/534/029/000/


โศกนาฏกรรมความรัก ตำนานโลงคู่ วัดหัวลำโพง

ตำนานความรักของ ปราโนต วิเศษแพทย์ หรือ สีดา สาวประเภทสองฉายานางงาม 50 มงกุฎ และ ชีพ-สมชาติ แก้วจินดา ชายอันเป็นที่รัก ที่ตายตกตามกันด้วยคำสาบาน
ช่วงเวลาสร้างตำนาน ปี พ.ศ. 2510
สถานที่ก่อเกิดตำนาน บ้านพักย่านซอยสวนพลู และ วัดหัวลำโพง กทม.

     ปราโนต วิเศษแพทย์ (พ.ศ. 2481 – 2510) เป็นบุตรของนายยงค์ และหม่อมหลวงหญิง บุญนาค วิเศษแพทย์ ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 5 คน และเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของบ้านที่มีฐานะความเป็นอยู่ดี เมื่อจบชั้นประถมศึกษา ปราโนต ได้มีโอกาสเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนนาฏศิลป กรมศิลปากร หรือ วิทยาลัยนาฏศิลปในปัจจุบัน ตามความชอบในด้านการแสดงตั้งแต่เยาว์วัย โรงเรียนแห่งนี้นอกจากจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ปราโนตเป็นที่รู้จักในชื่อของ “สีดา” (นางในวรรณคดีไทยเรื่องรามเกียรติ์ที่มีความงดงามอย่างมาก) แล้ว ที่นี่ยังเปิดโอกาสให้เขาสามารถแสดงบุคลิกที่เบี่ยงเบนไปจากเพศที่แท้จริงของตนเองได้อย่างอิสระเสรีอีกด้วย การสวมบทสตรีเพศ อีกทั้งซึบซับความอ่อนหวานเรียบร้อยแบบผู้หญิงของคนรอบข้างไว้อย่างไม่รู้ตัว เป็นส่วนส่งเสริมให้ร่างกายและจิตใจของปราโนตเปลี่ยนแปลงมาเป็นผู้หญิงอย่างเต็มตัว

     ความงามของ ปราโนต วิเศษแพทย์ นี้เป็นที่โด่งดังมากในหมู่สาวประเภทสองในยุคนั้น หลังออกจากการเป็นนักเรียนของวิทยาลัยนาฏศิลป์ เธอเริ่มเดินสายประกวดนับครั้งไม่ถ้วน ลงเวทีไหนเป็นต้องชนะเวทีนั้น เรียกว่า “สวยไร้คู่แข่ง - สวยไม่ปรานีปราศรัย” จนได้รับฉายาว่า “นางงาม 50 มงกุฎ” (สำหรับเกือบ 50 ปีก่อน ปราโนต เรียกได้ว่า สวยกว่าผู้หญิงบางคน และไม่มีสาวประเภทสองคนใดเทียบได้)

     ปราโนต พบรักครั้งแรกกับตัวพระ ซึ่งมารับบท “พระราม” แต่รักครั้งนี้ เป็นแค่ความรู้สึกดีดีที่มีต่อกัน ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น ต่อมา ปราโนตได้พบรักกับชายหนุ่มชื่อ สมบูรณ์ ทั้งคู่คบหาและอยู่กินกันนานถึง 8 ปีเต็ม สุดท้ายก็เลิกรากันไปและนายสมบูรณ์ก็หันไปคบกับผู้หญิงอื่น จนผ่านไปสองสามปี ปราโนตก็ได้มาเจอกับ สมชาย แก้วจินดา หรือ ชีพ มีอาชีพขับรถรับจ้าง รูปหล่อ สุภาพ เรียบร้อย พูดจาดี ทั้งคู่ตกลงปลงใจและย้ายมาอยู่ด้วยกันที่บ้านพักย่านซอยสวนพลู แต่จนแล้วจนรอดปัญหาเดิมก็กลับมาทำร้ายคนทั้งคู่ นั่นคือความหวาดระแวง หึงหวงกัน ครั้งหนึ่งทั้งคู่ได้สาบานต่อกันที่วัดพระแก้วและศาลหลักเมืองว่า “ถ้าเราไม่ซื่อสัตย์ต่อกันก็ขอให้ตายด้วยกัน ถ้าสีดาตายก่อน ชีพจะต้องตายตามไป แต่ถ้าชีพตายก่อน สีดาก็จะต้องตายตามไป”

     หลังจากนั้นทั้งคู่ได้ทะเลาะเบาะแว้งกันอีกหลายครั้งและตัดสินใจแยกกันอยู่ ปราโนตคิดตลอดเวลาว่า เธอไม่ใช่ “หญิงแท้” เธอกังวลว่าความสุขที่เธอมอบแก่ชีพนั้นจะไม่เต็มที่อย่างที่เขาต้องการและพึงใจ จนเธอระแคะระคายว่า ชีพมีผู้หญิงอื่นมาติดพัน จนเป็นสาเหตุให้ทั้งคู่กลับมาทะเลาะกันอีกครั้ง เรื่องนี้เป็นสาเหตุที่ตอกย้ำความเชื่อของเธอจนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป ปราโนตได้ตัดสินใจดื่มยาพิษฆ่าตัวตายอยู่หลายครั้ง แต่ก็มีคนช่วยชีวิตไว้ได้ทัน และในการดื่มยาพิษครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2510 ลมหายใจสุดท้ายของปราโนตก็หมดสิ้นลงอย่างโดดเดี่ยวในบ้านพักของเธอ

     เมื่อ ชีพ ทราบข่าวก็ได้แต่พร่ำพูดแต่ประโยคที่ว่า “ผมจะตามพี่ไป พี่รอผมด้วย” พลางร้องไห้กอดศพของปราโนตแน่น เย็นวันเดียวกันนั้นเอง ชีพได้บวชอุทิศส่วนกุศลให้กับปราโนต หลังจากสวดศพครบ 3 คืน เณรชีพตัดสินใจสึก จากนั้นได้นำสมบัติที่ซื้อร่วมกันไปจำนำ และนำเงินที่ได้ไปให้แก่คนในบ้าน และได้เขียนจดหมายสั่งเสียว่า “ขอให้นำเงินจำนวนดังกล่าวนี้เพื่อทำศพของเขา ขอให้พี่ๆ ช่วยเป็นภาระในการเลี้ยงดูแม่ ส่วนศพของเขาให้เอาไว้ที่วัดหัวลำโพงคู่กับศพของโนต” ต่อมา ชีพ ก็กินยาฆ่าแมลงและเสียชีวิตเมื่อตอนเที่ยงวันที่ 15 พฤษภาคม 2510 (เดือน – ปีเดียวกัน)

     วัดหัวลำโพง คือสถานที่บำเพ็ญกุศลให้กับดวงวิญญาณที่จากไปของปราโนต แต่หลังจากที่งานศพเสร็จสิ้นลงเพียงไม่กี่วัน อีกหนึ่งชีวิตก็ติดตามไป เหมือนคำสาบานที่เคยให้ไว้ต่อกัน ภาพของร่างไร้วิญญาณในโลงศพที่ตั้งเคียงคู่กัน ณ วัดหัวลำโพง เพื่อรอการฌาปนกิจ ได้สร้างความโศกสลดให้กับคนทั่วไป และยุติความแคลงใจของคนรอบข้างที่มีต่อความรักของทั้งสองได้อย่างสิ้นเชิง



https://f.ptcdn.info/534/029/000/

โศกนาฏกรรมความรัก ก้าวข้ามผ่านด้วยผ้าขาวม้าและความตาย

ตำนานความรักของ โกดำและกิ๋ว จากตำนาน “สะพานสารสิน”
ช่วงเวลาสร้างตำนาน ปี พ.ศ. 2516
สถานที่ก่อเกิดตำนาน สะพานสารสิน ตำบลท่าฉัตรไชย จังหวัดภูเก็ต

     ตำนานรักสะพานสารสิน เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในจังหวัดภูเก็ต โศกนาฏกรรมของหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่แตกต่างกัน ด้วยชาติตระกูลและฐานะทางสังคม ตัดสินปัญหาด้วยการใช้ผ้าขาวม้าผูกต่อกันมัดตัวเองกระโดดจากกลางสะพานลงสู่พื้นน้ำในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2516

     ตำนานนี้มีจุดเริ่มต้นจากชายหนุ่มขับรถโปท้อง (รถสองแถว) ชื่อว่า โกดำ แซ่ตัน พบรักกับ หญิงสาวชื่อ กิ๋ว-กาญจนา แซ่หงอ นักศึกษาวิทยาลัยครู ผู้พรั่งพร้อมไปด้วยชาติตระกูลและฐานะทางสังคม พวกเขาใช้ความพยายามทุกวิถีทางเพื่อเป็นบทพิสูจน์ให้บิดาของหญิงสาวได้เห็นถึงความรักที่มีให้แก่กัน แต่ไม่ว่าจะทำเช่นไรก็ไม่เป็นผล เมื่อผู้เป็นพ่อของฝ่ายหญิงไม่ยอมเปิดใจ หลายครั้งที่กิ๋วถูกบิดากักขังและทุบตีเยี่ยงทาส เพราะแอบลักลอบพบกับโกดำ อีกทั้งพ่อยังไม่ละความพยายามในการยัดเยียดลูกสาวให้กับเศรษฐีมีเงิน

     ถึงผู้เป็นพ่อจะแข็งกร้าวต่อหัวใจของลูกสาว แต่ความรักและการพยายามฝ่าฟันอุปสรรคของโกดำและกิ๋ว สามารถชนะใจชาวบ้านท่าฉัตรไชยได้จากการไม่เป็นที่ยอมรับในตอนแรก ชาวบ้านทุกคนทราบดีถึงความรักที่มีอุปสรรคครั้งนี้ หลายคนพยายามเกลี้ยกล่อมพ่อของกิ๋วให้ยอมรับโกดำเป็นลูกเขย แต่ก็ไม่ได้รับการยินยอมไม่ว่าจะด้วยวิถีทางใด

     ในที่สุดเมื่อหัวใจของคนทั้งสองถูกย่ำยีจนหมดแล้วซึ่งความหวัง เขาทั้งสองคนได้นำผ้าขาวม้ามาผูกมัดต่อกันแล้วตัดสินใจกระโดดจากกลางสะพานลงสู่พื้นน้ำ การผูกมัดผ้าเข้าด้วยกันนั้นอาจสื่อถึงการที่พวกเขาจะได้อยู่คู่กันแม้เเต่ความตาย ก็ไม่สามารถพรากหัวใจทั้งสองจากกันได้ เวลาต่อมาชาวบ้านก็ได้พบร่างไร้วิญญาณของทั้งสอง สร้างความเสียใจสะท้านความรู้สึกของชาวบ้านท่าฉัตรไชยเสมอมา

วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

10 อันดับอาหารยอดนิยม


10 อันดับอาหารยอดนิยม


https://sites.google.com/site/wwwsomocom/_/rsrc/1472765880939/10-xandab-xahar-thiy-yxd-niym/
อันดับที่ 1 
ผัดไทย ของโปรดของใครหลายคนที่ถือเป็นอาหารประจำชาติกันเลยทีเดียว (แค่ชื่อก็บ่งบอกแล้ว)




https://sites.google.com/site/wwwsomocom/_/rsrc/1472765880950/10-xandab-xahar-thiy-yxd-niym/

อันดับที่ 2 แกงเขียวหวานไก่ อาหารจานเด็ดที่ประยุกต์ให้รับประทานได้กับหลากหลายเมนู





https://sites.google.com/site/wwwsomocom/_/rsrc/1472765881332/10-xandab-xahar-thiy-yxd-niym/
อันดับที่ 3 ต้มข่าไก่ รสชาติและกลิ่นอันหอมหวลที่ใครก็ยากจะปฏิเสธ 


https://sites.google.com/site/wwwsomocom/_/rsrc/1472765881338/10-xandab-xahar-thiy-yxd-niym/
อันดับที่ 4 ต้มยำกุ้ง สุดยอดอาหารไทยที่รู้จักทั่วโลก ดังขนาดต้องเอาไปตั้งชื่อหนังขายฝรั่ง 



https://sites.google.com/site/wwwsomocom/_/rsrc/1472765880800/10-xandab-xahar-thiy-yxd-niym/
อันดับที่ 5 ต้มยำไก่ อาหารจานเด็ดอีกรายการที่ถูกลิ้นถูกใจคนค่อนโลก



https://sites.google.com/site/wwwsomocom/_/rsrc/1472765880064/10-xandab-xahar-thiy-yxd-niym/
อันดับที่ 6 พะแนง หวาน ๆ มัน ๆ เผ็ดเล็กน้อย พอปะแล่มลิ้น


https://sites.google.com/site/wwwsomocom/_/rsrc/1472765880076/10-xandab-xahar-thiy-yxd-niym/
อันดับที่ 7 หมูสะเต๊ะ อันหอมหวานพอดีลิ้น


https://sites.google.com/site/wwwsomocom/_/rsrc/1472765881150/10-xandab-xahar-thiy-yxd-niym/

อันดับที่ 8 ส้มตำ อาหารอีสานคลาสสิกที่ไม่มีใครไม่รู้จัก

https://sites.google.com/site/wwwsomocom/_/rsrc/1472765881424/10-xandab-xahar-thiy-yxd-niym/
อันดับที่ 9 ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ อาหารระดับตำนานอีกจานของเมืองไทย



https://sites.google.com/site/wwwsomocom/_/rsrc/1472765880647/10-xandab-xahar-thiy-yxd-niym/
อันดับที่ 10 ปอเปี๊ยะทอดสุดอร่อย

ชุดประจำชาติไทย


ชุดประจำชาติไทย

https://sites.google.com/site/mnmasean/_/rsrc/1342675794771/chud-pra-c/

 สำหรับชุดประจำชาติอย่างเป็นทางการของไทย รู้จักกันในนามว่า "ชุดไทยพระราชนิยม" 
โดยชุดประจำชาติสำหรับสุภาพบุรุษจะเรียกว่า "เสื้อพระราชทาน"     สำหรับสุภาพสตรีจะเป็นชุดไทย
ที่ประกอบด้วยสไบเฉียง ใช้ผ้ายกมีเชิงหรือยกทั้งตัว ซิ่นมีจีบยกข้างหน้า มีชายพกใช้เข็มขัดไทยคาด 
ส่วนท่อนบนเป็นสไบ จะเย็บให้ติดกับซิ่นเป็นท่อนเดียวกันหรือ จะมีผ้าสไบห่มต่างหากก็ได้ เปิดบ่าข้างหนึ่งชายสไบคลุมไหล่ ทิ้งชายด้านหลังยาวตามที่เห็นสมควรความสวยงามอยู่ที่เนื้อผ้าการเย็บและรูปทรงของผู้ที่สวม ใช้เครื่องประดับได้
ชุดไทยพระราชนิยม แบ่งออกเป็น 8 ประเภท ดังนี้
                                               1. ชุดไทยเรือนต้น
                                              2.ชุดไทยจิตรลดา
                                              3. ชุดไทยอมรินทร์
                                              4. ชุดไทยบรมพิมาน
                                              5. ชุดไทยจักรี
                                              6. ชุดไทยจักรพรรดิ
                                              7. ชุดไทยดุสิต
                                              8. ชุดไทยศิวาลัย 




            ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ชุด ประจำ ชาติ ของ ไทย                               ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ชุด ประจำ ชาติ ของ ไทย
   ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ชุด ประจำ ชาติ ของ ไทย                                      รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

ประวัติศาสตร์ไทย

ประวัติศาสตร์ไทย

http://www.chaiwbi.com/0drem/web_children/c495000/totol2549/c495401/495404/100/

 มีพรมแดนทางทิศตะวันออกติดลาวและกัมพูชา ทิศใต้ติดอ่าวไทยและมาเลเซีย ทิศตะวันตกติดทะเลอันดามันและพม่า และทิศเหนือติดพม่าและลาวโดยมีแม่น้ำโขงกั้นเป็นบางช่วง ประเทศไทยเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ เอเปค และ อาเซียน มีศูนย์รวมการปกครองอยู่ที่กรุงเทพมหานครซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์ในฐานะประมุขแห่งรัฐ ยาวนานที่สุดในโลก
     ปัจจุบันประเทศไทยปกครองด้วยเผด็จการทหาร ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร 2549 ได้ใช้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข


ประวัติศาสตร์


    ประเทศไทยมีประวัติศาสตร์ยาวนานมาก โดยมีความสืบเนื่องและคาบเกี่ยวระหว่างอาณาจักรโบราณหลายแห่ง เช่น อาณาจักรทวารวดี ศรีวิชัย ละโว้ เขมร ฯลฯ โดยเริ่มมีความชัดเจนในอาณาจักรสุโขทัยตั้งแต่ปี พ.ศ. 1981 อาณาจักรล้านนาทางภาคเหนือ กระทั่งเสื่อมอำนาจลงในช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 19 แล้วความรุ่งเรืองได้ปรากฏขึ้นในอาณาจักรทางใต้ ณ กรุงศรีอยุธยา โดยยังมีอาณาเขตที่ไม่แน่ชัด ครั้นเมื่อเสียกรุงศรีอยุธยาเป็นครั้งที่สองในปี พ.ศ. 2310 พระเจ้าตากสินจึงได้ย้ายราชธานีมาอยู่ที่กรุงธนบุรี

    ภายหลังสิ้นสุดอำนาจและมีการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เมื่อ พ.ศ. 2325 อาณาจักรสยามเริ่มมีความเป็นปึกแผ่น มีการผนวกดินแดนบางส่วนของอาณาจักรล้านช้าง ครั้นในรัชกาลที่ 5 ได้ผนวกดินแดนของเมืองเชียงใหม่ หรืออาณาจักรล้านนาส่วนล่าง (ส่วนบนอยู่บริเวณเชียงตุง) เป็นการรวบรวมดินแดนครั้งใหญ่ครั้งสุดท้าย วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ได้เปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตยแต่ก็ต้องรออีกถึง 41 ปี กว่าจะได้นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2516 หลังจากเหตุการณ์ 14 ตุลา หลังจากนั้นมีเหตุการณ์เรียกร้องประชาธิปไตยอีกสองครั้งคือ เหตุการณ์ 6 ตุลา และพฤษภาทมิฬ ล่าสุดได้เกิดรัฐประหารขึ้นอีกครั้งในปี พ.ศ. 2549

  ชื่อประเทศไทย

  คำว่า ไทย มีความหมายในภาษาไทยว่า อิสระ เสรีภาพ เดิมประเทศไทยใช้ชื่อ สยาม แต่ได้เปลี่ยนมาเป็นชื่อปัจจุบันเมื่อปี พ.ศ. 2482 ตามประกาศรัฐนิยม ฉบับที่ 1 ของรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ให้ใช้ชื่อ ประเทศ ประชาชน และสัญชาติว่า "ไทย" โดยในช่วงต่อมาได้เปลี่ยนกลับเป็นสยามเมื่อปี พ.ศ. 2488 ในช่วงเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี แต่ในที่สุดได้เปลี่ยนกลับมาชื่อไทยอีกครั้งในปี พ.ศ. 2491 ซึ่งเป็นช่วงที่จอมพล ป. พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรีในสมัยต่อมา ช่วงแรกเปลี่ยนเฉพาะชื่อภาษาไทยเท่านั้น ชื่อภาษาฝรั่งเศส[1]และอังกฤษคงยังเป็น "Siam" อยู่จนกระทั่งเดือนเมษายน พ.ศ. 2491 จึงได้เปลี่ยนชื่อภาษาฝรั่งเศสเป็น "Thaïlande" และภาษาอังกฤษเป็น "Thailand" อย่างในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ชื่อ สยาม ยังเป็นที่รู้จักแพร่หลายทั้งในและต่างประเทศ

  การเมืองการปกครอง

   เดิมประเทศไทยมีการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ จนกระทั่งวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 คณะราษฎรได้ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ปัจจุบันประเทศไทยปกครองด้วยระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยแบ่งอำนาจเป็นสามฝ่าย ได้แก่ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และ ฝ่ายตุลาการ โดยฝ่ายบริหารจะมีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะรัฐบาลซึ่งมากจากการแต่งตั้ง ฝ่ายนิติบัญญัติ ได้แก่ สภานิติบัญญัติแห่งชาติซึ่งมาจากการแต่งตั้ง และฝ่ายตุลาการ คือ ศาลยุติธรรม ศาลรัฐธรรมนูญ และศาลปกครองซึ่งมาจากการปฏิรูปทางเมืองจึงเกิดศาลปกครองและศาลรัฐธรรมนูญ

เขตการปกครอง

  ประเทศไทยแบ่งเขตการบริหารออกเป็นราชการส่วนภูมิภาค ได้แก่จังหวัด 75 จังหวัด นอกจากนั้นยังมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบล ส่วนสุขาภิบาลนั้นถูกยกเลิกไปในปี พ.ศ. 2542 

 เมืองใหญ่ / จังหวัดใหญ่

http://www.chaiwbi.com/0drem/web_children/c495000/totol2549/c495401/495404/100/    กรุงเทพมหานครริมแม่น้ำเจ้าพระยานอกจากกรุงเทพมหานครแล้ว มีหลายเมืองที่มีประชากรอยู่เป็นจำนวนมาก (ข้อมูลเดือนตุลาคม พ.ศ. 2549 ของ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ) โดยเรียงลำดับตามตารางด้านล่าง โดยดูจากจำนวนประชากรในเขตเทศบาลและกรุงเทพมหานคร ซึ่งจะแสดงประชากรในเขตเมืองได้อย่างแท้จริง

ภูมิอากาศและภูมิประเทศ

   ภูมิประเทศ

    ประเทศไทย สภาพทางภูมิศาสตร์       พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ บนยอดดอยอินทนนท์ประเทศไทยมีสภาพทางภูมิศาสตร์ที่หลากหลาย ภาคเหนือประกอบด้วยเทือกเขาจำนวนมาก จุดที่สูงที่สุด คือ ดอยอินทนนท์ (2,576 เมตร) ในจังหวัดเชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นที่ราบสูงโคราชติดกับแม่น้ำโขงทางด้านตะวันออก ภาคกลางเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งสายน้ำไหลลงสู่อ่าวไทย ภาคใต้มีจุดที่แคบลง ณ คอคอดกระแล้วขยายใหญ่เป็นคาบสมุทรมลายู   ภูมิอากาศ    ภูมิอากาศของไทยเป็นแบบเขตร้อน อากาศร้อนที่สุดในเดือนเมษายน-พฤษภาคม โดยจะมีฝนตกและเมฆมากจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม-เดือนตุลาคม ส่วนในเดือนพฤศจิกายนถึงกลางเดือนมีนาคม อากาศแห้ง และหนาวเย็นจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ยกเว้นภาคใต้ที่มีอากาศร้อนชื้นตลอดทั้งปีเศรษฐกิจเศรษฐกิจหลักของประเทศ
    เกษตรกรรม อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว การบริการ และ ทรัพยากรธรรมชาติ ถือเป็นเศรษฐกิจหลักที่ทำรายได้ให้กับคนในประเทศ โดยภาพรวมทางเศรษฐกิจอ้างอิงเมื่อ พ.ศ. 2546 มี GDP 5,930.4 พันล้านบาท ส่งออกมูลค่า 78.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่นำเข้า 74.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ[3]
    ภาพพันธุ์ข้าวจากกรมวิชาการเกษตรภาพยางพาราจากกรมวิชาการเกษตรในด้านเกษตรกรรม ข้าว ถือเป็นผลผลิตที่สำคัญที่สุด พืชผลทางการเกษตรอื่นๆ ได้แก่ ยางพารา ผักและผลไม้ต่างๆ มีการเพาะเลี้ยงปศุสัตว์เช่น วัว สุกร เป็ด ไก่ สัตว์น้ำทั้งปลาน้ำจืด ปลาน้ำเค็มในกระชัง นากุ้ง เลี้ยงหอย รวมถึงการประมงทางทะเล    อุตสาหกรรมที่สำคัญ ได้แก่ อุตสาหกรรมแปรรูปทางการเกษตร สิ่งทอ อิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ ส่วนทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญเช่น ดีบุก ก๊าซธรรมชาติ จากข้อมูลปี พ.ศ. 2547 มีการผลิตสิ่งทอมูลค่า 211.4 พันล้านบาท แผงวงจรรวม 196.4 พันล้านบาท อาหารทะเลกระป๋อง 36.5 พันล้านบาท สับปะรดกระป๋อง 11.1 พันล้านบาท รถยนต์ส่วนบุคคล 2.99 แสนคัน รถบรรทุก กระบะ และอื่นๆ รวม 6.28 แสนคัน จักรยานยนต์ 2.28 ล้านคัน ดีบุก 694 ตัน ก๊าซธรรมชาติ 789 พันล้านลูกบาศก์ฟุต น้ำมันดิบ 31.1 ล้านบาร์เรล [4]
    เกาะพีพี สถานท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศส่วนด้านการท่องเที่ยว การบริการและโรงแรม ในปี พ.ศ. 2547 มีนักท่องเที่ยวรวม 11.65 ล้านคน 56.52% มาจากเอเชียตะวันออกและอาเซียน (โดยเฉพาะมาเลเซียคิดเป็น 11.97% ญี่ปุ่น 10.33%) ยุโรป 24.29% ทวีปอเมริกาเหนือและใต้รวมกัน 7.02% [5] สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญได้แก่ กรุงเทพมหานคร พัทยา ภาคใต้ฝั่งทะเลอันดามัน จังหวัดเชียงใหม่สังคม    พระอุโบสถวัดสุวรรณดาราราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยาชนชาติประชากรประมาณ 3 ใน 4 มีเชื้อสายไทย นอกจากนี้ยังมีคนไทยเชื้อสายจีนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งคนไทยเชื้อสายมลายูในภาคใต้ตอนล่าง และคนไทยเชื้อสายมอญ เขมร และชาวเขาเผ่าต่างๆศาสนา    ประมาณร้อยละ 95 ของประชากรไทยนับถือศาสนาพุทธ นิกายเถรวาท ศาสนาอิสลามประมาณร้อยละ 3 (ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยทางภาคใต้ตอนล่าง) และศาสนาคริสต์ประมาณร้อยละ 2การศึกษา    ในทางกฎหมาย รัฐบาลจะต้องจัดการศึกษาให้ขั้นพื้นฐานสิบสองปี แต่การศึกษาขั้นบังคับของประเทศไทยในปัจจุบันคือเก้าปี บุคคลทั่วไปจะเริ่มจากระดับชั้นอนุบาล เป็นการเตรียมความพร้อมก่อนการเรียนตามหลักสูตรพื้นฐาน ต่อเนื่องด้วยระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้น หลังจากจบการศึกษาระดับมัธยมต้น สามารถเลือกได้ระหว่างศึกษาต่อสายสามัญ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเพื่อศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย หรือเลือกศึกษาต่อสายวิชาชีพ ในวิทยาลัยเทคนิค หรือพาณิชยการ หรือเลือกศึกษาต่อในสถาบันทางทหารหรือตำรวจ    โรงเรียนและมหาวิทยาลัยในประเทศไทย แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักได้แก่ โรงเรียนรัฐบาล และโรงเรียนเอกชน และ มหาวิทยาลัยรัฐบาล และมหาวิทยาลัยเอกชน โดยโรงเรียนรัฐบาลและมหาวิทยาลัยรัฐบาล จะเสียค่าเล่าเรียนน้อยกว่า โรงเรียนเอกชนและมหาวิทยาลัยเอกชนภาษา    ดูบทความหลักที่ ภาษาในประเทศไทย ภาษาไทยมาตรฐาน หรือภาษาไทยถิ่นกรุงเทพฯ เป็นภาษาราชการในประเทศไทย โดยเริ่มเคร่งครัดจริงจังในสมัยรัชกาลที่ 5เมื่อกำหนดให้โรงเรียนต่างๆ สอนหนังสือด้วยภาษาไทยมาตรฐาน และพูดภาษาไทยมาตรฐานในโรงเรียน ขณะที่แต่ละภาคของประเทศไทย ภาษาไทยมีการแบ่งแยกออกไปตามสำเนียงต่างๆ ได้แก่ ภาษาไทยกลาง ภาษาอีสาน ภาษาไทยถิ่นเหนือ ภาษาใต้ ส่วนภาษาอื่นที่มีใช้มากได้แก่ภาษามาเลย์ ภาษาเขมรสูง และภาษาจีนแต้จิ๋ว เป็นต้นศิลปะและวัฒนธรรม     จิตรกรรม งานจิตรกรรมไทยนับว่าเป็นงานศิลปะชั้นสูง ได้รับการสืบทอดมาช้านาน มักปรากฏในงานจิตรกรรมฝาผนัง ตามวัดวาอาราม รวมทั้งในสมุดข่อยโบราณ งานจิตรกรรมไทยยังเกี่ยวข้องกับงานศิลปะแขนงอื่นๆ เช่น งานลงรักปิดทอง ภาพวาดพระบฏ เป็นต้น ประติมากรรม เดิมนั้นช่างไทยทำงานประติมากรรมเฉพาะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น พระพุทธรูป เทวรูป โดยมีสกุลช่างต่างๆ นับตั้งแต่ก่อนสมัยสุโขทัย เรียกว่า สกุลช่างเชียงแสน สกุลช่างสุโขทัย อยุธยา และกระทั่งรัตนโกสินทร์ โดยใช้ทองสำริดเป็นวัสดุหลักในงานประติมากรรม เนื่องจากสามารถแกะแบบด้วยขี้ผึ้งและตกแต่งได้ แล้วจึงนำไปหล่อโลหะ เมื่อเทียบกับประติมากรรมศิลาในยุคก่อนนั้น งานสำริดนับว่าอ่อนช้อยงดงามกว่ามาก 
สถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรมไทยมีปรากฏให้เห็นในชั้นหลัง เนื่องจากงานสถาปัตยกรรมส่วนใหญ่ชำรุดทรุดโทรมได้ง่าย โดยเฉพาะงานไม้ ไม่ปรากฏร่องรอยสมัยโบราณเลย สถาปัตยกรรมไทยมีให้เห็นอยู่ในรูปของบ้านเรือนไทย โบสถ์ วัด และปราสาทราชวัง ซึ่งล้วนแต่สร้างขึ้นให้เหมาะสมกับสภาพอากาศและการใช้สอยจริง ดูเพิ่มที่ ศิลปะไทย

วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2560

10 ร้านอาหารแนะนำในกรุงเทพมหานคร



10 ร้านอาหารแนะนำในกรุงเทพมหานคร
1. ชีพ วิลเลจ ฟาร์ม แอนด์ เรสเตอรองค์
http://cdn.airportthai.co.th/uploads/profiles/0000000001/filemanager/images/

    ร้านอาหารริมน้ำ บรรยากาศชิลล์สบายสไตล์คันทรี ภายในดีไซน์สวย ไฮไลท์อยู่ที่กังหันลมกลางร้าน เหมาะแก่การถ่ายรูป รวมถึงโซนริมนน้ำที่คนแน่นตลอดทั้งวัน พร้อมเสิร์ฟอาหารรสเลิศให้ได้ทาน ที่สำคัญยังมีห้องคาราโอเกะเอาใจผู้รักเสียงเพลง จนแทบไม่อยากกลับเลยล่ะค่ะ
เมนูแนะนำ: เย็นตาโฟหม้อไฟ, ยำสามกรอบ, สลัดไก่มะนาว, คอหมูกระทะร้อน, ต้มแซ่บซุปเปอร์เนื้อเปื่อย

http://cdn.airportthai.co.th/uploads/profiles/0000000001/filemanager/images/
http://cdn.airportthai.co.th/uploads/profiles/0000000001/filemanager/images/

ที่

2. ซีร็อคโค
http://cdn.airportthai.co.th/uploads/profiles/0000000001/filemanager/images/

    ร้านซีร้อคโคบนชั้น 63 ตึกสเตททาวเวอร์ สามารถมองเห็นวิวตึกสูงในกรุงเทพ รวมถึงแม่น้ำเจ้าพระยาลดเลี้ยวเป็นทางยาว มีโซนสกายบาร์ (Sky Bar) ที่เนรมิตเครื่องดื่มหลากหลาย เป็นบาร์เครื่องดื่มทรงวงกลมที่เปลี่ยนเฉดได้หลายสี รวมถึงอาหารรสเลิศจากฝีมือเชฟชื่อดัง ทั้งหมดนี้ทำให้ซีร็อคโค กลายเป็นร้านอาหารยอดตึกที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในกรุงเทพและทั่วโลก

http://cdn.airportthai.co.th/uploads/profiles/0000000001/filemanager/images/

http://cdn.airportthai.co.th/uploads/profiles/0000000001/filemanager/images/


3. เดอะ เดก บาย เดอะ ริเวอร์
http://cdn.airportthai.co.th/uploads/profiles/0000000001/filemanager/images/

    ร้านอาหารโดดเด่นได้บรรยากาศริมสายน้ำ พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวมานานกว่า 8 ปี การตกแต่งเป็นสไตล์ชิโนโปรตุกีส แต่คงเอกลักษณ์ความเป็นไทยไว้อย่างชัดเจน ไฮไลท์อยู่ที่วิวพระปรางค์วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหารฝั่งตรงข้าม ที่งดงามจับตา โดยเฉพาะเวลาพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า เหมาะแก่การนั่งทอดอารมณ์ชมวิวเพลินๆ พร้อมเต็มอิ่มกับมื้ออาหารสุดอร่อย และเครื่องดื่มให้คุณเลือกสรรมากมาย
http://cdn.airportthai.co.th/uploads/profiles/0000000001/filemanager/images/




4. โรตีมะตะบะ ท่าพระจันทร์

http://cdn.airportthai.co.th/uploads/profiles/0000000001/filemanager/images/

    ร้านโรตีมะตะบะเจ้าดังในกรุงเทพที่นักท่องเที่ยวต่อคิวรอกันยาวเหยียด ที่นี่เป็นอาคาร 2 ชั้น ตกแต่งเรียบง่าย บริการเป็นกันเอง เป็นร้านโรตีที่คนทั่วไปรู้จักเป็นอย่างดี เมนูที่มาแล้วต้องสั่งมาทานคือ โรตี, มะตะบะไก่, ปอเปี๊ยะทอด, หมูสะเต๊ะ ซึ่งรสชาติขอบอกว่า อร่อยเด็ดจนต้องสั่งมากินอีกจานแน่นอน

http://cdn.airportthai.co.th/uploads/profiles/0000000001/filemanager/images/

5. มนต์นมสด
http://cdn.airportthai.co.th/uploads/profiles/0000000001/filemanager/images/

    ร้านขนมปัง-นมสดในตำนาน ที่เปิดขายมากว่า 40 ปีแล้วค่ะ ทุกเมนูของทางร้านได้รับความนิยมสูงมาก ที่สำคัญคนแน่นร้านทั้งวัน แวะนั่งทานนมสดอุ่นๆ พร้อมขนมปังนุ่มๆ หอมๆ แล้วคุณจะติดใจสั่งกลับไปทานที่บ้านอีกชุดใหญ่ค่ะ

http://cdn.airportthai.co.th/uploads/profiles/0000000001/filemanager/images/
http://cdn.airportthai.co.th/uploads/profiles/0000000001/filemanager/images/



6. พิซซ่า เกาะลันตา
http://cdn.airportthai.co.th/uploads/profiles/0000000001/filemanager/images/

    ร้านพิซซ่าต้นตำรับราคาสบายกระเป๋า ตกแต่งโทนสีฟ้าขาว ให้บรรยากาศเหมือนเกาะริมทะเล กรรมวิธีการอบของทางร้านใช้อุโมงค์เตาถ่านยักษ์ ทำให้พิซซ่าที่ได้มีความหอมและกรอบ ชีสที่ยืดน่าทาน นับเป็นร้านอาหารอิตาเลียนที่ประเทศต้นตำรับยังต้องยอมรับ เมนูแนะนำที่ห้ามพลาดนอกจากพิซซ่าแล้วยังมีสปาเกตตี้คาโบนาร่า, ผักโขมอบชีส, ขนมปังหน้าหมูชีส และขนมปังกระเทียมชีส



7. บลู แอลเลเฟ่น
http://cdn.airportthai.co.th/uploads/profiles/0000000001/filemanager/images/

    ภัตตาคารอาหารไทยตำรับชาววัง ที่เนรมิตการตกแต่งอย่างอลังการด้วยศิลปะแบบไทยๆ เมนูอาหารของทางร้านเน้นความเป็นไทย ผ่านการสร้างสรรค์รสชาติโดยเชฟฝีมือเลิศ ที่สร้างชื่อเสียงให้กับทางร้านมาแล้วกว่าหลายประเทศ เมนูเด็ดอย่างเป็ดซอสมะขาม, ตับห่านซอสมะขาม, แกงเขียวหวานเนื้อ เสิร์ฟพร้อมโรตีกรอบ, ข้าวเหนียวมะม่วง ล้วนได้รับความนิยมากทีเดียวค่ะ หากคุณเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แล้วอยากสัมผัสรสชาติความเป็นไทยที่ละมุนลิ้น ร้านบลู แอลเลเฟ่น ไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน

http://cdn.airportthai.co.th/uploads/profiles/0000000001/filemanager/images/



8. ภัตตาคาร หูฉลามฮั่วเซ่งฮง ถนนเยาวราช
http://cdn.airportthai.co.th/uploads/profiles/0000000001/filemanager/images/

    ภัตตาคารอาหารจีนที่เปิดให้บริการมาหลายปี ด้วยมาตรฐารการให้บริการและรสชาติอาหาร ที่สามารถครองใจลูกค้า ด้วยการเลือกใช้วัตถุดิบสดใหม่ คุณภาพดี ผ่านการปรุงอย่างพิถีพิถัน ออกมาเป็นเมนูแสนอร่อยที่ถูกปากทั้งชาวไทย ชาวจีน รวมถึงชาวต่างชาติ เหมาะกับการมาทานทั้งครอบครัว พูดคุยพบปะสังสรรค์กัน


9. โจ๊กสามย่าน
http://cdn.airportthai.co.th/uploads/profiles/0000000001/filemanager/images/

    ร้านโจ๊กเก่าแก่บริเวณสามย่าน ที่ดูธรรมดาแต่รสชาติไม่ธรรมดาเลยค่ะ โจ๊กเนื้อนุ่มละเอียด หมูรสเข็มข้น หอมพริกไทย ทานคู่กับไข่เข้ากันกำลังดี ด้วยทำเลใจกลางเมือง เดินทางสะดวก ทำให้นักท่องเที่ยวรวมถึงคนไทย ต้องพากันมาชิมความอร่อยกันจนแน่นร้าน อากาศหนาวๆ เย็นๆ ทานโจ๊กร้อนๆสักชาม รับรองว่าอุ่นขึ้นเป็นกองค่ะ

http://cdn.airportthai.co.th/uploads/profiles/0000000001/filemanager/images/


10. อิซาโอะ
http://cdn.airportthai.co.th/uploads/profiles/0000000001/filemanager/images/

    ร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์ซูชิบาร์ ที่ผสมผสานรสชาติความเป็นญี่ปุ่นไว้ชัดเจน รวมถึงการตกแต่งที่ได้บรรยากาศสไตล์เจแปน ใครอยากมาทานต้องจองคิวล่วงหน้านะคะ เพราะคิวเค้ายาวมากจริงๆ เมนูสุดอร่อยคือซูชิแซนวิช ที่ผสมผสานความเป็นอเมริกันกับญี่ปุ่นไว้ด้วยกัน รวมถึงเมนูแจ็กกี้ เมนูข้าวห่อสาหร่ายกุ้งที่เสิร์ฟมาในรูปแบบตัวหนอนน่ารักสุดครีเอท ที่เป็นเหมือนโลโก้ของทางร้านไปซะแล้ว

http://cdn.airportthai.co.th/uploads/profiles/0000000001/filemanager/images/http://cdn.airportthai.co.th/uploads/profiles/0000000001/filemanager/images/

วันพุธที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2560

20 สุดยอดที่เที่ยวฮิตในเมืองไทย





20 สุดยอดที่เที่ยวฮิตในเมืองไทย น่าไปตลอดทั้งปี.!! 




รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

20 สุดยอดที่เที่ยวฮิตในเมืองไทย น่าไปตลอดทั้งปี

1.บ้านอีต่อง ที่ตั้ง อ. ทองผาภูมิ จ. กาญจนบุรี หน้าหนาวที่นี้ไม่มีหมอก ทว่าในหน้าฝนบ้านอีต่องจะปกคลุมด้วยหมอกเกือบตลอดทั้งวัน ด้วยตั้งอยู่บนเทือกเขาตะนาวศรี ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จากทะเลอันดามันฝั่งพม่า ใครที่ชอบความเย็นฉ่ำของละอองฝนแนะนำให้ลองมาสัมผัสซักครั้ง
http://p4.s1sf.com/tr/0/rp/r/w550/ya0xa0m1w0/
บ้านอิต่อง
2.ล่องแก่งลุ่มน้ำเข็ก ที่ตั้ง อ.วังทอง จ. พิษณุโลก เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่น่าสนใจของฤดูฝนนี้ ล่องก่องน้ำเข็กเริ่มตั้งแต่เดือน พ.ค. -ธ.ค. ไปกริ๊ดให้สุดเลียงแต่แรงเหวี่ยงของสายน้ำที่ไหลผ่านแก่งหินซึ่งจัดอยู่ในระดับ 3-5 ตลอดระยะทาง 9 กม.
http://p4.s1sf.com/tr/0/rp/r/w550/ya0xa0m1w0/
น้ำเข็ก
3.อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่ตั้ง อ. ปากช่อง จ. นครราชสีมา แม้ผาเดียวดายปิดในช่วงหน้าฝน ทว่าในช่วงปลายฝนจะเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวให้เข้าไปสัมผัสความสมบูรณ์ของป่าดิบเขาบนพื้นที่สูงประมาณ 1,000 ม.จากระดับน้ำทะเล ในบรรยากาศเย็นสบาย จนได้รับการขนานนามว่าเป็น"ป่าเมฆ"
http://p4.s1sf.com/tr/0/rp/r/w550/ya0xa0m1w0/
4.แม่สะเรียง ที่ตั้ง อ. แม่สะเรียง จ. แม่ฮ่องสอน แม่สะเรียงเป็นอำเภอซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำยวม มีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบเล็กๆ ซึ่งในฤดูฝนจะกลาย้เป็นทุ่งนาอันเขียวละมุนตาของต้นข้าวที่ถูกดำลงดินนับพันต้น ส่วนในย่านเมืองก็มีเกสต์เฮ้าส์ และโรงแรมขนาดเล็กให้นักท่องเที่ยวพัก ให้หายเหนื่อยก่อนเดินเที่ยววัดและวิถีของชาวไทยใหญ่และกะเหรี่ยง
http://p4.s1sf.com/tr/0/rp/r/w550/ya0xa0m1w0/
แม่สะเรียง
5.อุทยานสวนหินพุทธสถานทวารวดีอู่ทองนิเวศ ตั้งอยู่ ภายในสำนักปฎิบัติธรรมพุหางนาค อ. อู่ทอง จ. สุพรรณบุรี เป็นสวนหินธรรมชาติ สันนิษฐานว่าเกิดจากลาวาของภูเขาไฟ ถูกกัดเซาะจากลมและฝนทำให้เกิดเป็นรูปร่างต่างๆ ดูสวยงามแปลกตา และยังมีต้นจันทน์ผาอายุหลายร้อยปี ต้นสลัดได ต้นพุดป่า ต้นจำปีป่า ต้นกระเจียวและกล้วยไม้ดินซึ่งจะเจริญเติบโตได้ดีในช่วงหน้าฝน
http://p4.s1sf.com/tr/0/rp/r/w550/ya0xa0m1w0/
พุหางนาค
6.ภูสอยดาว ที่ตั้ง อ. น้ำปาด จ. อุตรดิตถ์ ต้องบอกก่อนว่าช่วงต้นฤดูฝนที่นี้จะปิด และเปิดอีกครั้งในประมาณเดือนส.ค. ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับดอกหงอนนาคจะบานสะะพรั่งอวดสีม่วงอ่อนตัดกับสีเขียวของต้นหญ้าและสนต้นสูงชะลูดซึ่งขึ้นเต็มพื้นที่ ยิ่งในช่วงที่แสงอาทิตย์อัสดงสาดพาดลงบนหมู่ดอกหงอนนาค ดูราวกับมีสวรรค์อยู่บนพื้นดิน
http://p4.s1sf.com/tr/0/rp/r/w550/ya0xa0m1w0/
ภูสอยดาว
7.ภูทับเบิก ที่ตั้ง อ.หล่มเก่า จ. เพชรบูรณ์ ทิวทัศน์กะหล่ำนับหมื่นดอก คงเป็นที่ไหนไม่ได้นอกจากภูทับเบิก แต่หลายคนนิยมเที่ยวในหน้าหนาว น้อยคนที่จะรู้ว่าหน้าฝนที่นี้ก็สุดยอด ยิ่งมาในช่วงหลังฝนตกใหม่ๆที่นี้จะปกคลุมไปด้วยหมอกละอองฝนปกคลุมทิวเขาทุ่งกะหล่ำปลี
http://p4.s1sf.com/tr/0/rp/r/w550/ya0xa0m1w0/
ภูทับเบิก
8.ภูชี้ฟ้า ที่ตั้ง บ้านร่มฟ้าไทย ต. ตับเต่า อ. เทิง จ. เชียงราย เมื่อพูดถึงทะเลหมอก ภูชี้ฟ้ามักเป็นจุดหมายต้นๆที่หลายคนนึกถึง ภูชี้ฟ้าเป็นหน้าผายื่นออกไปเหนือทะเลหมอก ในตอนเช้าของฤดูฝนและฤดูหนาวหมอกจะปกคลุมหุบเขาด้านล่าง นักท่องเที่ยวต้องตื่นเช้าเพื่อเดินขึ้นภู รอชมพระอาทิตย์ขึ้น
http://p4.s1sf.com/tr/0/rp/r/w550/ya0xa0m1w0/
ภูชี้ฟ้า
9.ดอยอ่างขาง ที่ตั้ง ดอยอ่างขาง บ้านคุ้ม ต. แม่งอน อ. ฝาง จ. เชียงใหม่ ด้วยภูมิประเทศที่เป็นหุบเขาทำให้ที่นี้มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี ในช่วงฤดูหนาว ตอนเช้าจะเกิดทะเลหมอกสีขาวสะอาดลอยระเรื่อยๆไปกับแปลงผักเมืองหนาว
http://p4.s1sf.com/tr/0/rp/r/w550/ya0xa0m1w0/
ดอยอ่างขาง
10.อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ที่ตั้ง อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง อ. แม่แตง จ. เชียงใหม่ ที่นี้ขึ้นชื่อทะเลหมอกที่สวยงาม นักท่องเที่ยวนิยมกางเต็นท์บริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยวหรือดอยกิ่วลม ซึ่งสามารถชมทะเลหมอกในตอนเช้า นอกจากทะเลหมอกที่หนาแน่นแล้วยังมองเห็นดอยเชียงดาวเป็นฉากหลังด้วย
http://p4.s1sf.com/tr/0/rp/r/w550/ya0xa0m1w0/
ห้วยน้ำดัง
11.อุทยานแห่งชาติขุนสถาน ที่ตั้ง อุทยานแห่งชาติขุนสถาน อ. นาหมื่น จ. น่าน แสงทองฉาบบนทะเลหมอกมีให้เห็นที่ขุนสถาน เช้าในฤดูหนาวแนะนำให้รีบจับจองพื้นที่กลางเต็นท์ บริเวณที่ทำการซึ่งตั้งอยู่บนดอยแม่จอก สูงประมาณ 1,469 ม. จากระดับน้ำทะเล สามารถมองเห็นทะเลหมอกแบบพานอรามา
http://p4.s1sf.com/tr/0/rp/r/w550/ya0xa0m1w0/
ขุนสถาน
12. ม่อนกิ่วลม ที่ตั้ง อุทยานแห่งชาติแม่เมย อ. ท่าสองยาง จ. ตาก จุดชมทะเลหมอกที่สวยงามแห่งหนึ่งของอุทยานแห่งชาติแม่เมย ความหนาแน่นของทะเลหมอกที่ปกคลุมเทือกเขาย้อมด้วยเสียงทองตอนเช้าของพระอาทิตย์ เป็นภาพที่น่าประทับใจ
http://p4.s1sf.com/tr/0/rp/r/w550/ya0xa0m1w0/
ม่อนกิ่วลม
13.ภูหัวฮ่อม ที่ตั้ง อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย ต. แสงภา อ. นาแห้ว จ. เลย มีอากาศเย็นสบายตลอดปี ในช่วงฤดูหนาวจะมีทะเลหมอกปกคลุมเทือกเขาสลับซับซ้อนด้านล่างซึ่งกั้นพรมแดนไทย-ลาวให้ชม นอกจากนี้ไม่ไกลกันมีแปลงสตรอว์เบอร์รี่และผลิตภัณฑ์จากแมคคาเดเมียให้ชิมด้วย
http://p4.s1sf.com/tr/0/rp/r/w550/ya0xa0m1w0/
ภูหัวฮ่อม
14.หาดทรายแก้ว เกาะเสม็ด ที่ตั้ง ต. เพ อ. เมืองระยอง เป็นหาดที่ยาวและสวยที่สุดของเสม็ด มีทรายขาวเนียนละเอียด เม็ดทรายขาวใสคล้ายผลึกแก้ว จากชายหาดมีแนวปะการังให้ชมด้วย เป็นหาดที่มีความคึกคัก มีร้านอาหารและเครื่องเล่นทางน้ำให้ สนุกด้วย
http://p4.s1sf.com/tr/0/rp/r/w550/ya0xa0m1w0/
เกาะเสม็ด
15.หาดอ่าวมะนาว ที่ตั้ง กองบิน 5 กองทัพอากาศ ต. เกาะหลัก อ. เมืองประจวบคีรีขันธ์ หาดมีลักษณะโค้งเกือบเป็นวงกลมคล้ายกับผลมะนาว ร่มรื่นด้วยทิวสนประดิพัทธ์ จากชายหาดสามารถมองเห็น เขาล้อมหมวกและเขาคลองวาฬ นักท่องเที่ยวนิยมมาเล่นน้ำทะเลเพราะน้ำไม่ลึก
http://p4.s1sf.com/tr/0/rp/r/w550/ya0xa0m1w0/
อ่าวมะนาว
16.น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ที่ตั้ง อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ อ. ศรีสวัสดิ์ จ. กาญจนบุรี เกิดจากลำห้วยแม่ขมิ้นในเทือกเขากะลา ไหลลดหลั่นไปตามเทือกเขาหินปูน มีทั้งหมดเจ็ดชั้นได้แก่ ชั้นว่านดง ม่านขมิ้น วังหน้าผา ฉัตรแก้ว ไหลจนหลง ดงผีเสื้อ และร่มเกล้า ตลอดเส้นทางนักท่องเที่ยวสามารถชมพันธุ์ไม้ในป่าดิบแล้งได้ด้วย
http://p4.s1sf.com/tr/0/rp/r/w550/ya0xa0m1w0/
ห้วยแม่ขมิ้น
17.น้ำตกคลองลาน ที่ตั้ง อุทยานแห่งชาติคลองลาน อ. คลองลาน จ. กำแพงเพชร ถือเป็นน้ำตกที่สวยงามที่สุดของ จ. กำแพงเพชร สายน้ำตกเกิดจากต้นน้ำบนยอดเขาคลองลาน ไหลผ่านโตรกผาสูงราว 100 ม. ก่อนตกลงแอ่งด้านล่างซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำ
http://p4.s1sf.com/tr/0/rp/r/w550/ya0xa0m1w0/
น้ำตกคลองลาน
18.น้ำตกแม่สุรินทร์ ที่ตั้ง: อุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ อ. ขุนยวม จ. แม่ฮ่องสอน เป็นน้ำตกที่มองระยะไกลจะงดงามที่สุดเพราะสายน้ำอันเกิดจากลำห้วยแม่สุรินทร์ไหลทิ้งตกผ่านโตรกผา โดยสองข้างทางเป็นภูเขาสูงและโขดหินขนาดใหญ่ ที่มีมอสและเฟิร์นขึ้นปกคลุมเขียวขจี
http://p4.s1sf.com/tr/0/rp/r/w550/ya0xa0m1w0/
น้ำตกแม่สุรินทร์
19.น้ำตกทีลอซู ที่ตั้ง อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง อ. อุ้มผาง จ. ตาก ได้ชื่อว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตัวน้ำตกไหลทิ้งตัวจากหน้าผาสูงราว 200 ม. และกว้างราว 400 ม. เมื่อถึงบริเวณน้ำตกนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสละอองน้ำซึ่งฟุ้งกระจายไปทั่ว โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนน้ำตกจะยิ่งสวยงาม
http://p4.s1sf.com/tr/0/rp/r/w550/ya0xa0m1w0/
น้ำตกทีลอซู
20.น้ำตกตาดเหือง ที่ตั้ง อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย อ. นาแห้ว จ. เลย เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ ตัวน้ำตกเกิดจากน้ำเหืองที่ไหลกั้นพรมแดนไทย-ลาว สายน้ำไหลตกจากผาหินสูงประมาณ 30 ม. และแผ่กว้าง 40 ม. มีน้ำตลอดทั้งปี เหมาะกับการเล่นน้ำพักผ่อนมาก ยกเว้นช่วงน้ำหลาก
http://p4.s1sf.com/tr/0/rp/r/w550/ya0xa0m1w0/
น้ำตกตาดเหือง